มูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา

บรรยากาศภาพในงาน “ตลาดนัดสมาคมผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย” ณ ศูนย์การค้า MBK ชั้น G วันที่ 9-11 มิถุนายน 2565

โดยในวันนี้ พิธีเปิดงานเวลา 12:00 น.
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และแขกผู้มีเกียรติได้แก่
นายวรวุฒิ พงษ์ธีระพล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย , นายณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ เลขานุการมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา
,นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม แบรนด์แอมบาสเดอร์ มูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา,นายบุญศักดิ์
เกียรติจรูญเลิศ ที่ปรึกษาสมาคมผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย และตัวแทน MBK Centerได้มีการเสวนาเรื่อง “ทิศทางกีฬาไทยหลัง
ซีเกมส์” ตั้งแต่เวลา 12:30-14:30 น. โดยท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นกับวงการ “กีฬาไทย” ในมิติต่างๆ และในมุมของท่านผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมทั้งดร.ว่าว ซึ่งให้ความคิดเห็นในมุมของนักวิชาการตามด้วย ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ในฐานะนักกีฬา รวมทั้งพี่เอ็กซ์ อดีตนักกีฬาทีมชาติไทย(ยิมนาสติก)ที่
คร่ำหวอดกับมหกรรมกีฬาซีเกมส์มาตั้งแต่ลงแข่งในนามทีมชาติไทย จนมาทำหน้าที่ของผู้สื่อข่าว ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปี
รายละเอียดการ เสวนา “ทิศทางกีฬาไทยหลังซีเกมส์ ครั้งที่31” (สามารถดูรีรัน ได้ทางเพจ Tong Snooker club หรือเพจ MBK)

สรุปใจความสำคัญที่น่าสนใจในการเสวนาครั้งนี้
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการฯ เสนอความคิดว่า ในปี ค.ศ.2025 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ท่านอยากให้เน้นกีฬาสากลมากกว่ากีฬาพื้นบ้าน ซึ่งจะหมายถึงการสร้างนักกีฬาของไทย ในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพให้มุ่งไปสู่ความเป็นสากล ส่วนกีฬาพื้นบ้านอาจจะไม่เน้นเหมือนกับที่เวียตนาม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาฐานของกีฬาทุกชนิด และแฟนกีฬาชาวไทยให้ได้
ติดตามเกมส์กีฬาที่พัฒนาแล้ว เทียบเท่าหรือ ใกล้เคียงกับ เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิก
ด้านดร.ว่าว ฝ่ายวิชาการ มองไปถึงองค์ประกอบ อื่นๆ ที่สำคัญในการ พัฒนากีฬา โดยเน้นไปที่ Supportor ที่หมายรวมถึงทุกภาคส่วน ทั้ง ผู้สนับสนุน ผู้ชม และพี่น้องสื่อมวลชน ซึ่งทุกฝ่ายล้วนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
พอมาถึง พี่เอ็กซ์ อดีตซุปเปอร์สตาร์ในกีฬายิมนาสติก ก็เสนอให้ในปี ค.ศ.2025 น่าจะมีการแยกการจัดอันดับเหรียญรางวัล ออกเป็น 2 ประเภท คือ กีฬาสากล และกีฬาพื้นบ้าน ออกจากกัน เพื่อให้แฟนกีฬาได้เห็นเด่นชัด ถึงการพัฒนานักกีฬาและชนิดกีฬาให้มีความเป็นสากลมากที่สุด
และไฮไลท์ของงาน ดิไอดอล ต๋อง ศิษย์ฉ่อย
ซึ่งเป็นฮีโร่ให้กับทัพนักกีฬาทีมชาติไทย CuesSport ด้วยการคว้าเหรียญทอง และเป็นเหรียญทองเหรียญสุดท้ายของ ทัพนักกีฬาไทยในศึกมหกรรมกีฬาซีเกมส์ครั้งที่31 เวียตนาม
ต๋องได้เล่าบรรยายที่กรุงฮานอย ให้ทราบเคร่าๆ และที่สำคัญ ต๋องฝากแฟนกีฬาชาวไทย ให้เข้ามาชมการแข่งขันทุกชนิดกีฬา ในโอกาสที่ไทยเราจะเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งหน้า (อย่าให้น้อยหน้าที่กรุงฮานอย ที่มีผู้ชม
เข้าชมกันมากมาย แม้ว่าจะไม่มีนักกีฬาของเวียตนามลงแข่งก็ตาม)
และพิธีกรได้ให้ ต๋อง ฝากเรื่องที่อยากฝาก กับท่าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ก่อนที่จะปิดการเสวนาครั้งนี้
เรื่องแรกที่ต๋องฝาก คือ ในอนาคตหากมีการจ่ายเบี้ยเลี้ยง สวัสดิการ หรือค่าใช้จ่ายที่พึงมี อยากให้ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย จ่ายโดยตรงให้กับนักกีฬา เพราะปัจจุบันทางสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ก็มี
งานด้านเอกสารรวมทั้งการจัดการแข่งขันมากมายหลายรายการ อีกทั้งบุคคลากรที่ดำเนินการด้านนี้มีไม่เพียงพอ จนที่ผ่านมาเกิดความล่าช้าและผิดพลาดตกหล่นไปบ้าง
หากทางการกีฬาแห่งประเทศไทย จ่ายโดยตรงกับนักกีฬา นอกจากลดขั้นตอนการทำงานของสมาคมฯ ก็ยังช่วยให้เกิดความโปร่งใส ถูกต้อง ในการเบิกจ่ายให้กับนักกีฬา
ส่วนเรื่องที่สอง ต๋องฝากท่านผู้ว่าการฯ ให้ช่วยพิจารณาจัดจ้างเรื่องโค้ชต่างชาติ เพื่อมาเทรนให้กับนักกีฬาไทย โดยเฉพาะกีฬา พูล บิลเลียดและแครอม จากผลงานมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ที่นักกีฬา Cuesport สามารถคว้าเหรียญทองแดงได้ถึง 8 เหรียญ ซึ่งหากว่านักกีฬาไทยมีโค้ชต่างชาติ ต๋องเชื่อว่า โอกาสที่นักกีฬาไทย Cuesports น่าจะมีโอกาสคว้าเหรียญทองได้มากขึ้นแน่นอน
แต่การเลือกโค้ช อยากให้นักกีฬาทุกคน มีส่วนในการแสดงความคิดเห็น ว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันหรือไม่ ในการเลือกโค้ช เพราะความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโค้ชกับนักกีฬาก็มีความสำคัญมากเหมือนกัน

และระหว่างช่วงงาน ดร.ก้องศักด ยอดมณี และคณะผู้ติดตามจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย , ต๋อง ศิษย์ฉ่อย และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ได้เดินเยี่ยมชมร้านค้า ที่นำสินค้ามาจำหน่ายในงาน
“ตลาดนัดสมาคมผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย” ท่านผู้ว่าการฯ ก็เดินพูดคุย และอุดหนุนซื้อของครบทุกร้านเลยทีเดียว (ดูภาพประกอบ)

ขอเชิญชวนแฟนคลับ และพี่น้องชาวไทยมาเที่ยวชมงานได้ที่ MBK Center ชั้น G ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2565 เริ่มเวลา
10:00-20:00 น.

อีกเรื่องราวดีๆ ของ “กีฬาไทย” ที่ต้องติดตาม
กันว่าในอนาคตควรจะเป็นอย่างไร และจะนำ
ไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ที่มีประโยชน์
ต่อ “กีฬาทุกประเภทในประเทศไทย”